คำสนธิ
คำสนธิ คือการประสมคำของภาษาบาลีสันสกฤต ถือว่าเป็นคำสมาสชนิดหนึ่ง แต่เป็นคำสมาสที่มีการเลี่ยนแปลง
รูปศัพท์โดยมี หลักเกณฑ์ดังนี้
1. ต้องเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเท่านั้น
2. ศัพท์ประกอบไว้หน้าศัพท์หลักไว้หลัง
3. แปลจากหลังไปหน้า
4. ถ้าเป็นสระสนธิ ศัพท์ตัวหลังจะขึ้นต้นด้วยตัว อ
5. มีการเปลี่ยนแปลงรูปศัพท์ตามหลักที่จะกล่าวต่อไป
การสนธิมีอยู่ 3 อย่างคือ สระสนธิ พยัญชนะสนธิ และนฤตหิตสนธิ
1. สระสนธิ คือการนำคำบาลีสันสกฤต มาสนธิกับคำที่ขึ้นต้ตด้วย สระ มีหลักดังนี้
1.1 ตัดสระท้ายคำหน้า ให้ใช้สระคำหลัง เช่น
หิมะ+อาลัย ตัด ะ ใช้ า สนธิเป็น หิมาลัย
ชล+อาลัย ตัด ะ ใช้ า สนธิเป็น ชลาลัย
วชิร+อาวุธ เป็น วชิราวุธ วร+โอกาส เป็น วโรกาส
ขีปน+อาวุธ เป็น ขีปนาวุธ ภุช+องค์ เป็น ภุชงค์
มหา+ไอศวรรย์เป็น มไหศวรรย์ มหา+อรรณพ เป็นมหรรณพ
1.2 ตัดสระท้ายคำหน้า ใช้สระหน้าคำหลัง
ถ้าสระหน้าของคำหลังเป็น อะ ให้เปลี่ยนเป็น อา เช่น
ราช+อธิราช เป็น ราชาธิราช
ประชา+อธิปไตย เป็น ประชาธิปไตย
เทศ+อภิบาล เป็น เทศาภิบาล
ถ้าสระหน้าของคำหลังเป็น อิ ให้เปลี่ยนเป็น เอ เช่น
ราม+อิศวร เป็น ราเมศวร
ปรม+อินทร์ เป็น ปรมินทร์
นร+อินทร์ เป็น นรินทร์
มหา+อิสี เป็น มเหสี
นร+อิศวร เป็น นเรศวร
ยกเว้น ภูมิ+อินทร์ เป็น ภูมินทร์ กรี+อินทร์ เป็น กรินทร์
มุนิ+อินทร์ เป็น มุนินทร์ โกสี+อินทร์ เป็น โกสินทร์
ถ้าสระหน้าของคำหลังเป็น อุ ให้เปลี่ยนเป็น อู หรือ โอ เช่น
ราช+อุปโภค เป็น ราชูปโภค ชล+อุทร เป็น ชโลธร
ราช+อุบาย เป็น ราโชบาย ราช+อุปถัมภ์ เป็น ราชูปถัมภ์
นย+อุบาย เป็น นโยบาย คุณ+อุปการ เป็น คุณูปการ
ยกเว้น มัคคุ+อุเทศก์ เป็น มัคคุเทศก์
1.3 เปลี่ยนสระที่ท้ายคำหน้า อิ อี เป็น ย
อุ อู เป็น ว
แล้วจึงสนธิตามหลักในข้อ1.และ2.
ตัวอย่าง การเปลี่ยนสระที่ท้ายคำหน้า อิ อี เป็น ย เช่น
รติ+อารมณ์ เปลี่ยน อิ เป็น ย ได้ รตย สนธิกับ อารมณ์ เป็น รตยารมณ์
มติ+อธิบาย เป็น มตย+อธิบาย สนธิเป็น มตยาธิบาย
อัคคี+โอภาส เป็น อตย+โอภาส สนธิเป็น อัคโยภาส
อธิ+อาศัย เป็นอธย+อาศัย สนธิเป็น อธยาศัย หรือ อัธยาศัย
ยกเว้น หัตถี+อาจารย์ เป็นหัตถาจารย์ ศักดิ+อานุภาพ เป็น ศักดานุภาพ
ตัวอย่าง การเปลี่ยนสระที่ท้ายคำหน้า อุ อู เป็น ว เช่น
ธนู+อาคม เป็น ธนว+อาคม สนธิเป็น ธนวาคม หรือธันวาคม
จักขุ+อาพาธ เป็น จักขว+อาพาธ สนธิเป็น จักขวาพาธ
สินธุ+อานนท์ เป็น สินธว+อานนท์ สนธิเป็น สินธวานนท์
2. พยัญชนะสนธิ คือคำภาษาบาลี สันสกฤตที่นำมาสนธิกับพยัญชนะ มีหลักดังนี้
2.1 คำที่ลงท้ายด้วย ส สนธิกับพยัญชนะ ให้เปลี่ยน ส เป็น โ เช่น
มนัส+ธรรม เป็น มโนธรรม มนัส+มัย เป็น มโนมัย
มนัส+คติ เป็น มโนคติ ศิรัส+เวฐน์ เป็นศิโรเวฐน์
รหัส+ฐาน เป็น รโหฐาน
2.2 คำที่ขึ้นต้นด้วย ทุส และ นิส สนธิกับพยัญชนะ ให้เปลี่ยน ส เป็น ร เช่น
ทุส+ชน เป็น ทุรชนหรือ ทรชน ทุส+กันดาร เป็น ทุรกันดาร
ทุส+พิษ เป็น ทุรพิษหรือ ทรพิษ ทุส+กรรม เป็น ทุรกรรมหรือทรกรรม
นิส+คุณ เป็น นิรคุณ นิร+อาศ เป็น นิราศ
นิส+เทศ เป็น นิรเทศ นิส+โทษ เป็น นิรโทศ
3.นฤคหิตสนธิ คือคำบาลีสันสกฤตที่นำมาสนธิกับนฤคหิต มีหลักดังนี้
3.1 นฤคหิต สนธิกับสระ เปลี่ยน ๐ เป็นพยัญชนะท้ายวรรคนั้นก่อนการสนธิ เช่น
สนธิกับวรรค กะ เปลี่ยน ๐ เป็น ง เช่น
สํ+กร เป็น สังกร สํ+เกต เป็น สังเกต สํ+ขาร เป็น สังขาร
สนธิกับวรรค จะ เปลี่ยน ๐ เป็น ญ เช่น
สํ+จร เป็น สัญจร สํ+ชาติ เป็น สัญชาติ สํ+ญา เป็น สัญญา
สนธิกับวรรค ฏะ เปลี่ยน ๐ เป็น ณ เช่น
สํ+ฐาน เป็น สัณฐาน สํ+ฐิติ เป็น สัณฐิติ
สนธิกับวรรค ตะ เปลี่ยน ๐ เป็น น เช่น
สํ+ดาน เป็น สันดาน สํ+โดษ เป็น สันโดษ สํ+นิวาส เป็น สันนิวาส
สนธิกับวรรค ปะ เปลี่ยน ๐ เป็น ม เช่น
สํ+บัติ เป็น สมบัติ สํ+บูรณ์ เป็น สมบูรณ์ สํ+ภพ เป็น สมภพ
สนธิกับเศษวรรค เปลี่ยน ๐ เป็น ง ก่อนสนธิเช่น
สํ+โยค เป็น สังโยค สํ+วร เป็น สังวร สํ+หรณ์ เป็น สังหรณ์