ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา

แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์
สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ผ่านสมบัติรัตนานามธานี
อันกรุงไกรใหญ่ยาวสิบเก้าโยชน์ภูเขาโขดเป็นกำแพงบูรีศรี
สพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชีชาวบูรีหรรษาสถาวร
มีเอกองค์นงลักษณ์อรรคราชพระนางนาฎนามประทุมเกศร
สนมนางแสนสุรางคนิกรดังกินนรน่ารักลักขณา
มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์ประไพพักตรเพียงเทพเลขา
ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยาพึ่งแรกรุ่นชัณษาสิบห้าปี
อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้องๆเนื้อดังทองนพคุณจำรุญศรี
พึ่งโสกันต์ชัณษาสิบสามปีพระชนนีรักใคร่ดังไนยยา
สมเด็จท้าวปิตุรงค์ดำรงราชย์แสนสวาทลูกน้อยเสนหา
จะเษกสองครองสมบัติขัตติยาแต่วิชาสิ่งใดไม่ชำนาญ
จึงดำรัสเรียกพระโอรสราชมาริมอาสน์แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร
พ่อจะแจ้งเจ้าจงจำคำโบราณอันชายชาญเชื้อกษัตริย์ขัตติยา
ย่อมพากเพียรเรียนไสยศาสตร์เวทสิ่งวิเศษสืบเสาะแสวงหา
ได้ป้องกันอันตรายนัคราตามกษัตริย์ขัตติยาอย่างโบราณ
พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์จงรีบรัดเสาะแสวงแห่งสถาน
หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญเป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชาฯ
     * บัดนั้นพี่น้องสองกษัตริย์ประนมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา
จึงทูลความตามจิตต์เจตนาลูกคิดมาจะประมาณก็นานครัน
หวังแสวงไปตำแหน่งสำนักปราชญ์ซึ่งรู้ศาสตราเวทวิเศษขยัน
ก็สมจิตต์เหมือนลูกคิดทุกคืนวันพอแสงจันทร์แจ่มฟ้าจะลาจร
แล้วก้มกราบปิตุราชมาตุรงค์ทั้งสององค์ลูบหลังแล้วสั่งสอน
จะเดินทางไกลในป่าพนาดอนจงผันผ่อนตรึกจำคำโบราณ
จะพูดจาสารพัดบำหยัดยั้งจนลุกนั่งน้ำท่ากระยาหาร
แม้นหลับนอนผ่อนพ้นที่ภัยพาลอดบันดาลโกรธขึ้งจึงสบาย
พระพี่น้องสององค์ทรงสดับเคารพรับบังคมด้วยสมหมาย
พระเชษฐาบัญชาชวนน้องชายมาทรงสานสาคเรศบนเตียงรอง
แล้วแต่งองค์สอดทรงเครื่องกษัตริย์เนาวรัตน์เรืองศรีไม่มีสอง
แล้วลีลามาสถิตบนแท่นทองจนย่ำฆ้องสุริยนสนธยา
จึงชวนกันจรจรัลจากสถานออกทวารเบื้องบูรพาทิศา
ศศิธรจรแจ้งกระจ่างตาทั้งสองราเดินเรียงมาเคียงกัน ฯ
     * ล่วงตำบลชนบาทไปหลายบ้านเข้าดอนด่านแดนไพรพอไก่ขัน
เสียงเสือกวางกลางเนินพนมวันให้หวั่นหวั่นวังเวงหวาดฤทัย
จนแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้าพระสุริยาเยื้องเยี่ยมเหลี่ยมไศล
คณนกเริงร้องคนองไพรเสียงเรไรจักระจั่นสนั่นเนิน
ทั้งสององค์เหนื่อยอ่อนเข้าผ่อนพักหยุดสำนักลำเนาภูเขาเขิน
ครั้นหายเหนื่อยเมื่อยล้าอุสาห์เดินพิศเพลินมิ่งไม้ในไพรวัน
บ้างผลิดอกออกผลพวงระย้าปีบจำปาสุกรมสวรรค์
พระอภัยมีศรีสุวรรณต่างชิงกันเก็บพลางตามทางมา
พระพี่เก็บกาหลงส่งให้น้องๆเดินประคองเคียงกันด้วยหรรษา
พระน้องเก็บมุลลีให้พี่ยาทั้งสองราเดินดมแล้วชมเชย
เห็นมะม่วงผลพึ่งสุกห่ามทำไม้ง่ามน้อยน้อยสอยเสวย
อร่อยหวานปานเปรียบสรนมเนยอิ่มแล้วเลยล่วงทางมากลางดง
ครั้งสิ้นแสงสุริยทิพากรสำนักนอนเนินผาป่าระหง
ทั้งสองแสนเหนื่อยยากลำบากองค์บาทบงส์บวมบอบระบมตรม
พระเชษฐาอาไลยถึงไอศวรรย์กับกำนัลน้อยน้อยนางสนม
น้องคนึงถึงพี่เลี้ยงแลนางนมกับบรมปิตุเรศพระมารดา ฯ
     * สิบห้าวันเดินในไพรสณฑ์ถึงตำบลบ้านหนึ่งใหญ่นักหนา
เรียกว่าบ้านจันตคามพราหมณ์พฤฒามีทิศาปาโมกข์อยู่สองคน
อาจารย์หนึ่งขำนาญในการปี่ทั้งดีดสีแสนเสานะเราะหนักหนา
ผู้ใดได้ฟังวังเวงในวิญญาเคลิ้มนิทราลืมกายดังวายปราณ
อันสองท่านราชครุนั้นอยู่ตึกจดจารึกอักขราไว้หน้าบ้าน
เป็นข้อความตามมีวิชาการแสนชำนาญเลิศลบภพไตร
แม้ผู้ใดใครจะเรียนวิชามั่งจงอ่านหนังสือแจ้งแถลงไข
ถ้ามีทองแสนตำลึงมารถึงใจจึงจะได้ศึกษาวิชาการ ฯ
     * วันนั้นพระอภัยมณีศรีสุวรรณจรจรัลเข้ามาถึงหน้าบ้าน
เห็นลิขิตปิดไว้กับใบทวารพระทรงอ่านแจ้งจิตต์ในกิจจา
อันท่านครูอยู่ตึกตำแหน่งนี้ฝีปากปี่เป่าเสนาะเพราะหนักหนา
จึงดำรัสตรัสแก่พระน้องยาอันวิชาสิ่งนี้พี่ชอบใจ
แต่เที่ยวดูเสียให้รู้ทั้งย่านบ้านท่านอาจารย์ยังจะมีอยู่ที่ไหน
ตรัสพลางย่างเยื้องครรไลไปถึงตึกใหญ่ที่ครูอยู่สำนัก
เห็นแผ่นผาจารึกลายลิขิตเข้ายืนชิดอ่านดูรู้ประจักษ์
ท่านอาจารย์การกระบองก็คล่องนักได้ทองหนักแสนตำลึงจึงได้เรียน
จึงบัญชาว่ากับพระน้องแก้วพ่อเห็นแล้วเหนือที่ลายลิขิตเขียน
สองอาจารย์ปานดวงแก้ววิเชียรเจ้ารักเรียนที่ท่านอาจารย์ใด
อนุชาว่าการกลศึกน้องนี้นึกรักมาแต่ไหนไหน
ถ้าเรียนรู้รำกระบองได้ว่องไวจะชิงไชยข้าศึกไม่นึกเกรง
พระเชษฐาว่าจริงแล้วเจ้าพี่วิชามีแล้วใครไม่ข่มแหง
แต่ใจพี่นี้รักทางนักเลงหมายว่าเพลงดนตรีนี้ดีจริง
ถึงการเล่นเป็นที่ประโลมโลกได้ดับโศกศูนย์หายทั้งชายหญิง
แต่ขัดสนจนจิตต์คิดประวิงด้วยทรัพย์สิ่งหนึ่งนี้ไม่มีมา ฯ
     * ศรีสุวรรณปัญญาฉลาดแหลมจึงยิ้มแย้มเยื้อนตอบพระเชษฐา
ธำมรงค์เรือนมณีมีราคาจะคิดค่าควรแสนตำลึงทอง
พอบูชาอาจารย์เอาต่างทรัพย์เห็นจะรับสอนสั่งเราทั้งสอง
อันตัวน้องนี้จะอยู่ด้วยครูกระบองหัดให้คล่องเชี่ยวชาญชำนาญดี
ขอพระองค์จงเสด็จไปท้ายบ้านอยู่ศึกษาอาจารย์ข้างดีดสี
ครั้นเสร็จสมปรารถนาไม่ช้าทีจะตามพี่ไปหาที่อาจารย์
พระอภัยได้คิดถึงคำน้องต่างยิ้มย่องปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
เข้าหยุดยั้งสั่งเสียกันเสร็จการกลับไปหาอาจารย์ดังใจนึก
ศรีสุวรรณกุมารชาญฉลาดยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างตึก
เห็นภูมิฐานเคหาโอฬารึกทั้งที่ฝึกสอนสานุศิษย์มี
มองเขม้นเห็นพราหมณ์พฤฒาเฒ่ากระหมวดเกล้าเอนหลังนั่งเก้าอี้
ดูรูปร่างอย่างเยี่ยงพระโยคีกระบองสี่ศอกวางไว้ข้างกาย
ก็แจ้งว่าอาจารย์เจ้าของตึกเห็นสมนึกเหมือนจิตต์ที่คิดหมาย
กระทั่งไอให้เสียงเป็นแยบคายแล้วก้มกายเข้าไปหาท่านอาจารย์ ฯ
     * ฝ่ายพราหมณ์พรหมโบราณอาจารย์เฒ่าเป็นพงศ์เผ่าพฤฒามหาศาล
ชำเลืองเนตรแลดูเห็นกุมารศรีสัณฐานผุดผ่องดังทองทา
ดูแน่งน้อยรูปร่างเหมือนอย่างหุ่นพึ่งแรกรุ่นน่ารักเป็นนักหนา
อร่ามเรืองเครื่องประดับระยับตาก็รู้ว่ากษัตริย์ขัตติยวงศ์
จึงขยดลดเลื่อนลงนั่งใกล้แล้วถามไต่ข้อความตามประสงค์
มีธุระอะไรในใจจงเจ้าจึงตรงมาหาจงว่าไป
     * หน่อกษัตริย์ขัตติยวงศ์ทรงสดับน้อมคำนับเล่าแจ้งแถลงไข
พระบิดาห้าบำรุงซึ่งกรุงไกรบัญชาให้เที่ยวหาวิชาการ
จึงดั้นด้นเดินเนินป่ามาถึงนี่พอเห็นมีอักขราอยู่หน้าบ้าน
รู้ว่าท่านพฤฒาเป็นอาจารย์ขอประทานพากเพียรเรียนวิชา
แต่โปรดเกล้าคราวมาข้ายากแค้นอันทองแสนตำลึงนั้นไม่ทันหา
ธำมรงค์เรือนมณีฉันมีมาตีราคาควรแสนตำลึงนั้นไม่ทันหา
แล้วถอดแหวนวงน้อยที่ก้อยขวาให้พฤฒาทดแทนคุณสนอง
ตาพราหมณ์เฒ่าเอาสำลีประชีรองขอดประคองไว้ในผมให้สมควร
แล้วไต่ถามนามวงศ์ถึงพงศาสนทนาปรีดิ์เปรมเกษมสรวล
อยู่เคหาตาพราหมณ์ไม่ลามลวนครั้งค่ำชวนหน่อไทเข้าไสยา
ถึงยามดึกฝึกสอนในการยุทธเพลงอาวุธอาบดั้งให้ตั้งท่า
กระบองกระบี่ถี่ถ้วนทุกวิชาค่อยศึกษาตั้งใจจะให้ดี
     * ฝ่ายเชษฐามาที่ท้ายบ้านก็เข้าหาอาจารย์ที่ดีดสี
เอาธำมรงค์ทรงนิ้วดัชนีให้พราหมณ์ตีค่าแสนตำลึงทอง
     * ฝ่านครูเฒ่าพินทรพราหมณ์รามราชแสนสวาทรักใคร่มิได้หมอง
ให้ข้าไทใช้สอยคอยประคองเข้าในห้องหัดเพลงบันเลงพิณ
แล้วพาไยอดเขาให้เป่าปี่ที่อย่างดีสิ่งใดก็ได้สิ้น
แต่เสือช้างกล่างไพรถ้าได้ยินก็ลืมกินน้ำหญ้าเข้ามาฟัง
ประมาณเสร็จเจ็ดเดือนโดยวิถารพระกุมารได้สมอามรณ์หวัง
สิ้นความรู้ครุประสิทธิ์ไม่ปิดบังจึงสอนสั่งอุปเท่ห์เป็นเล่ห์กล
ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับจะรบรับสารพัดให้ขัดสน
เอาปี่เป่าเล้าโลมน้ำใจคนด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ
คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัสเกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณจึงคิดอ่านเอาไชยเหมือนใจจง
แล้วให้ปี่ที่เพราะเสนาะเสียงยินสำเนียงถึงไหนก็ไหลหลง
อวยพรพลางทางหยิบธำมรงค์คืนให้องค์กุมาราแล้วว่าพลัน
ซึ่งดนตรีตีค่าไว้ถึงแสนเพราะหวงแหนกำชับไว้ขับขัน
ใช่ประสงค์ตรงทรัพย์สิ่งสุวรรณจะป้องกันมิให้ไพร่ได้วิชา
ต่อกษัตริย์เศรษฐีที่มีทรัพย์มาคำนับจึงได้ดังปรารถนา
จงคืนเข้าบุรีรักษ์นัคราให้ชื่นจิตต์พระบิดาและมารดรฯ
     * หน่อกษัตริย์โสมนัสด้วยสมนึกจดจารึกคำท่านอาจารย์สอน
พิไรร่ำอำลาด้วยอาวรณ์แล้วบทจรจากบ้านอาจารย์ตนฯ
     * ฝ่ายนฤบดีศรีสุวรรณก็เข้มขันกลศึกที่ฝึกฝน
ทั้งโล่ห์เขนเจนจัดหัดประจญในการกลอาวุธสุดทำนอง
จนหมดสิ้นความรู้ท่านครูเฒ่าจึงเรียกเจ้าเข้ามานั่งสองต่อสอง
เลือกล้วนเหล็กมุลลีตีกระบองให้เป็นของคู่หัตถ์กษัตรา
ทั้งธำมรงค์วงนั้นก็คืนได้แถลงไขข้อความตามปฤศนา
เหมือนอาจารย์คนนั้นที่พรรณราแล้วพฤฒาอวยไชยไปจงดี
หน่อกษัตริย์สุริวงศ์ทรงสดับน้อมคำนับปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ครรไลลาอาจารย์จรลีตามวิถีแถวทางถนนมา
พอมาพบพี่ชายที่ท้ายบ้านสองสำราญสรวลสันต์แล้วหรรษา
ต่างเล่าความตามที่เรียนรู้วิชาแล้วพี่พาน้องเดินดำเนินไป
ออกจากบ้านจันตคามข้ามทิวทุ่งหมายตรงกรุงรัตนาเข้าป่าใหญ่
สิบห้าวันบรรลุถึงเวียงไชยพอท้าวไทยสุทัศน์กษัตรา
ออกแท่นทองท้องพระโรงจำรูญศรีแสนเสนีเฝ้าแหนอยู่แน่นหนา
พระพี่น้องสององค์ก็ตรงมาเฝ้าบิดาที่ท้องพระโรงไชยฯ
     * กรุงกษัตริย์สุริยวงศ์พระทรงยศเห็นโอรสยินดีจะมีไหน
เรียกมานั่งข้างแท่นทองประไพแล้วถามไถ่ทุกข์ยากเมื่อจากวัง
หนึ่งพี่น้องสองเสาะแสวงหาได้วิชาเสร็จสมอารมณ์หวัง
หรือปลดเปล่าเล่าให้บิดาฟังพ่อนี้นั่งคอยท่าทุกราตรี ฯ
     * พระพี่น้องสององค์ทรงสวัสดิ์ประสานหัตถ์น้อมประณตบทศรี
พระเชษฐาทูลแถลงแจ้งคดีลูกเรียนกลดนตรีชำนาญชาญ
ศรีสุวรรณนั้นเรียนในการยุทธเพลงอาวุธเข้มแข็งกำแหงหาญ
ทั้งสองสิ่งยิ่งยอดวิชาการใครจะปานเปรียบได้นั้นไม่มีฯ
     * ท้าวสุทัศน์ฟังอรรถโอรสราชบรมนาถขัดข้องให้หมองศรี
โกรธกระทืบบาทาแล้วพาทีอย่าอวดดีเลยกูไม่พอใจ
อันดนตรีปี่พาทย์ตะโพนเพลงเป็นนักเลงเหล่าโลนเล่นโขนหนัง
แต่พวกกูผู้หญิงที่ในวังมันก็ยังเรียนร่ำได้ชำนาญ
อันวิชาอาวุธแลโลห์เขนชอบแต่เกณฑ์ศึกเสือเชื้อทหาร
เป็นกษัตริย์จักพรรดิ์พิสดารมาเรียนการเช่นนั้นด้วยอันใด
ลูกกาลีมีแต่จะขายหน้าช่างชั่วช้าทุจริตผิดวิสัย
จะให้อยู่เวียงวังก็จังไรชอบมาไสคอส่งเสียจากเมือง
ไปเที่ยวเล่นเป็นปี่แล้วมิสามาพูดจาให้กูคันหูเหือง
พระพิโรธโกรธตรัสด้วยขัดเคืองแล้วย่างเยื้องจากบัลลังค์เข้าวังใน ฯ
     * แสนสงสารพี่น้องสองกษัตริย์บิดาตรัสโกรธาไม่ปราไสย
อัปยศอดสูเสนาในทั้งน้อยใจผินหน้าปรึกษากัน
พระเชษฐาว่าโอ้พ่อเพื่อนยากสู้ลำบากบุกป่าพนาสัณฑ์
มาถึงวังยังไม่ถึงสักครึ่งวันยังไม่ทันทดลองทั้งสองคน
พระกริ้วกราดคาดโทษว่าโฉดเขลาพี่กับเจ้านี้ก็เห็นไม่เป็นผล
อยู่ก็อายไพร่ฟ้าประชาชนผิดก็ดันดั้นไปในไพรวัน
แล้วสวมสอดกอดน้องประคองหัตถ์สองกษัตริย์โศกทรงกรรแสงศัลย์
พระอภัยมณีศรีสุวรรณก็พากันซวนซบสลบไป
ฝ่ายมหาเสนาพฤฒามาตย์เห็นหน่อนาถนิ่งแน่เข้าแก้ไข
ทั้งสองตื่นฟื้นกายระกำใจชลไนย์แนวนองทั้งสององค์ฯ
     * พระเชษฐาว่ากรรมแล้วน้องเอ๋ยอย่าอยู่เลยเรามาไปไพรระหง
มิทันสั่งอำมาตย์ญาติวงศ์ทั้งสององค์ออกจากจังหวัดวัง
พระพี่ชายชวนเกินดำเนินหน้าอนุชาโฉมงามมาตามหลัง
พระออกนอกนัคราเข้าป่ารังครั้นเหนื่อยนั่งสนทนาปรึกษากัน
อันตัวเราพี่น้องทั้งสองนี้ไม่มีที่พึ่งใครในไพรสัณฑ์
ทั้งโภชนาอาหารกันดารครันยังนับวันก็แต่กายจะวายปราณ ฯ
     * พระอนุชาว่าพี่นี้ขี้ขลาดเป็นชายชาติช้างงาไม่กล้าหาญ
แม้นชีวันยังไม่บรรไลยลาญก็เซซานซอกซอนสัญจรไป
เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่งพอประทังกายาอยู่อาไสรย
มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไรชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดี ฯ
     * พระเชษฐาว่าจริงแล้วน้องรักเจ้าแหลมหลักตักเตือนสติพี่
กระนั้นแต่งองค์ไปทำไมมีให้เป็นที่กังขาประชาชน
เราปลอมแปลงแต่งกายเป็นชายไพร่เหมือนยากไร้แรมทางมากลางหน
สองกษัตริย์ตรัสคิดเห็นชอบกลจึงปลดเปลื้องเครื่องต้นออกจากกาย
เอาภูษาผ้าห่มห่อกระหวัดแล้วคาดรัดเอวไว้มิให้หาย
ศรีสุวรรณนั้นคุมกระบองกรายพระพี่ชายถือปี่แล้วลีลา
ค่อนด้นดั้นเดินเนินพนมพนาเวศสีขเรศถ้วยธารละหานผา
ครั้นค่ำค้างกลางเถื่อนได้เดือนเศษออกพ้นเขตต์เข้าไม้ไพรสิงขร
ถึงเนินทรายชายทะเลชโลธรในสาครคลื่นลั่นสนั่นดัง
ทั้งสองราล้าเหนื่อยกำลังลงหยุดนั่งนอนเล่นเย็นสบายฯ
     * จะจับบทบุตรพราหมณ์สามมาณพได้มาพบคบกันเล่นเป็นสหาย
คนหนึ่งชื่อโมราปรีชาชายมีแยบคายชำนาญในการกล
เอาฟางหญ้ามาผูกสำเภาได้แล้วแล่นไปในจังหวัดไม่ขัดสน
คนหนึ่งมีวิชาชื่อสานนร้องเรียกฝนลมได้ดังใจจง
คนหนึ่งนั้นมีนามพราหมณ์วิเชียรเที่ยวร่ำเรียนสงครามตามประสงค์
ถือธนูสู้ศึกนึกทนงหมายจะปลงชีวาปัจจามิตร
ธนูนั้นลั่นทีละเจ็ดลูกหมายให้ถูกที่ตรงไหนก็ไม่ผิด
ล้วนแรกรุ่นร่วมรู้คู่ชีวิตเคยไปเล่นเป็นนิจที่เนินทราย
พอแดดร่มลมตกลงชายเขาขึ้นสำเภายนต์ใหญ่ดังใจหมาย
ออกจากบ้านอ่านมนต์เรียกพระพายแสนสบายบุกป่ามาบนดิน
ถึงทะเลเล่นตรงลงในน้ำเที่ยงลอยลำเล่นมหาชลาสินธุ์
มาใกล้ไทรสาขาริมวารินก็ได้ยินสุรเสียงสำเนียงคน
เห็นพี่น้องสององค์ล้วนทรงโฉมงามประโลมหลากจิตต์คิดฉงน
ทอดสมอรอราเภตรายนต์ทั้งสามคนขึ้นเดินบนเนินทราย
เข้ามาใกล้ไทรทองสองกษัตริย์โสมนัสถามไต่ดังใจหมาย
ว่าดูรามาณพทั้งสองนายเจ้าเพื่อนชายชื่อไรไปไหนมา
ฤาเดินดงกลางทางมาต่างบ้านจงแจ้งการณ์ให้เราฟังที่กังกา
แม้นไม่มี่พี่น้องญาติกาเราจะพาไว้เรือนเป็นเพื่อนกันฯ
     * พระฟังความถามทักเห็นรักใคร่จึงขานไขความจริงทุกสิ่งสรรพ์
เราชื่ออภัยมณีศรีสุวรรณเป็นพงศ์พันธุ์จักรพรรดิ์สวัสดี
ไปร่ำเรียนวิชาที่อาจารย์ตำบลบ้านจันตคามพนาศรี
อันตัวเรานี้ชำนาญการดนตรีน้องเรานี้ก็ชำนาญการศัสตรา
พระปิตุเรศขับไล่มิให้อยู่ว่าเรียนรู้ต่ำชาติวาสนา
เราพี่น้องสองคนจึงซนมาๆหวังจะหาแห่งครูผู้ชำนาญ
ด้วยจะใคร่ไต่ถามตามสงไสยวิชาใดจึงจะดีให้วิถาร
ที่สมศักดิ์จักรพรรดิพิสดารจะคิดอ่านเรียนร่ำเอาตำรา
อันตัวเจ้าเผ่าพราหมณ์สามมาณพได้มาพบกันวันนี้ดีหนักหนา
ท่านทั้งสามนามใดไปไหนมาจงเมตตาบอกเล่าให้เข้าใจฯ
     * ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถว่ากษัตริย์สุริยวงศ์ไม่สงไสย
ประณตนั่งบังคมขออไภยพระอย่าได้ถือความข้าสามคน
ซึ่งพระองค์ทรงไต่ถามจะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
ข้างชื่อวิเชียรโมราเจ้าสานนทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน
แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน
ได้เรียนรู้เรียกลมฝนคือคนนั้นข้าแข็งขันยิงธนูสู้ไพริน
ยิงออกไปได้ทีละเจ็ดลูกจะให้ถูกตรงไหนก็ได้สิ้น
คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดินอยู่บ้านอินทคามทั้งสามคน
ซึ่งองค์พระอนุชาเรียนอาวุธเข้ายงยุทธข้าก็เห็นจะเป็นผล
แต่ดนตรีนี้ดูไม่ชอบกลข้าสนเท่ห์ในน้ำใจจริง
ดนตรีมีคุณที่ข้อไหนฤาใช้ได้แต่ข้างเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง
ยังสงไสยในจิตต์คิดประวิงจงแจ้งจริงให้กระจ่างสว่างใจ ฯ
     * พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถามจึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไปย้อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑทาเทวราชจัตุบาทกลางป่าพนาสิน
แม้นเราเป่าปี่ให้ได้ยินก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติอันลัทธิดนตรีดีนัดหนา
ซึ่งสงไสยไม่สิ้นในวิญญาจงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง
แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดังสำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจฯ
     * ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ยยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาไลยจะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยมไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคยถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียงสำเนียงเพียงการะเวกกังวานหวาน
หวาดประหวัดสัตรีฤดีดาลให้ซาบซ่านเสียวสดับจนหลับไป
ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับไหล
พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ



เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทรายฯ



Comments